ข่าวสารและบทความล่าสุด

Athentic Consulting’s team of experienced experts bring you the
latest news and insights in law and regulations.

HR : Recruitment Steps for PDPA Compliance

การรับสมัครพนักงานเป็นงานที่ฝ่าย HR ต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การทำงานนี้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) บทความนี้จึงรวบรวมแนวทางปฏิบัติและ Checklist ที่ฝ่าย HR ต้องรู้ ตั้งแต่เอกสารและขั้นตอนที่จำเป็นตามกฎหมาย รวมถึงข้อพิจารณาในการเลือกข้อมูลที่จำเป็นและไม่จำเป็นในใบสมัครงาน

Checklist ที่ฝ่าย HR จำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรับสมัครพนักงาน

1. วางแผนก่อนการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ในกระบวนการรับสมัครงาน องค์กรจะต้องปฏิบัติตามหลักการใช้ข้อมูลให้น้อยที่สุด หรือ หลักการ Data Minimization ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเก็บรวบรวมข้อมูลเฉพาะที่จำเป็น เพียงพอ และเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมเท่านั้น ในบริบทของการรับสมัครงาน ฝ่าย HR จึงต้องระมัดระวังไม่ให้เก็บข้อมูลส่วนเกินที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณสมบัติของผู้สมัคร

ขั้นตอนการดำเนินงาน

• การประเมินความจำเป็นของข้อมูล

ฝ่าย HR ควรประเมินข้อมูลแต่ละประเภทด้วยคำถามว่า "หากขาดข้อมูลนี้ จะส่งผลต่อการตัดสินใจในการคัดเลือกผู้สมัครหรือไม่" หากคำตอบคือไม่ส่งผล ก็ไม่ควรเก็บข้อมูลนั้น

• ความระมัดระวังพิเศษกับข้อมูลอ่อนไหว

ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหวตามมาตรา 26 ของพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกเลือกปฏิบัติหรือกระทบสิทธิเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นอย่างแท้จริงที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับลักษณะของงาน ฝ่าย HR ไม่ควรเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้

ตัวอย่างการจำแนกข้อมูลที่จำเป็นในการรับสมัคร

• ข้อมูลระบุตัวตน (ชื่อ-นามสกุล, ข้อมูลติดต่อ)

• ประวัติการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง

• ประวัติการทำงานและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ่อนไหวที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ความระมัดระวังพิเศษ

• ข้อมูลสุขภาพ (ยกเว้นตำแหน่งที่กฎหมายกำหนด)

• ความเชื่อทางศาสนา

• ความคิดเห็นทางการเมือง

• ประวัติอาชญากรรม (ยกเว้นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย)

เทคนิคการลดการเก็บข้อมูล

• การปรับแต่งแบบฟอร์มสมัครงาน

• ขอเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต่อการประเมินคุณสมบัติ

• หลีกเลี่ยงคำถามที่อาจเป็นการเลือกปฏิบัติ

• ให้ผู้สมัครเลือกได้ว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวหรือไม่

• ขอสำเนาบัตรประชาชนที่มีการปิดบังข้อมูลศาสนา

• เก็บเฉพาะส่วนของเอกสารที่จำเป็น

• ให้ผู้สมัครทำการปิดบังข้อมูลที่ไม่จำเป็นด้วยตนเอง

การปฏิบัติตามหลักการนี้ไม่เพียงช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความไว้วางใจจากผู้สมัครงาน ลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูล และทำให้กระบวนการรับสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลที่สำคัญจริงๆ

2. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว (sensitive data)

 แม้ตามหลัก data minimization จะให้เก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็น หลีกเลี่ยงการเก็บข้อมูลอ่อนไหว แต่ลักษณะการทำงานบางตำแหน่งงานอาจก็มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเพื่อพิจารณาว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการทำงานหรือไม่ เช่น

- อาชีพซึ่งเกี่ยวข้องการกระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ จำเป็นต้องเก็บข้อมูลประวัติอาชญากรรมตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ

- กลุ่มอาชีพขนส่ง เช่น พนักงานขับรถบรรทุก พนักงานขับรถโดยสาร นักบินพาณิชย์ บุคคลทำงานบนเรือ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ

จากกลุ่มอาชีพตัวอย่างข้างต้น หากพิจารณาจากสภาพงาน พบว่า เป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและทรัพย์สินของผู้รับบริการ ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้รับบริการและสังคมโดยรวม การเก็บข้อมูลอ่อนไหวเพื่อสมัครตำแหน่งงานดังกล่าว จึงเป็นการป้องกันผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อความปลอดภัยเข้ามาทำงาน อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจแก่นายจ้างได้ว่า ผู้สมัครมีความพร้อมสามารถเข้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ขั้นตอนการรับสมัครและสัมภาษณ์พนักงาน

ในขั้นตอนนี้ องค์กรจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านเอกสารและกระบวนการเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น และการรักษาความปลอดภัยข้อมูล

3.1 การจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น

• ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

องค์กรในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่แจ้งให้ผู้สมัครทราบถึงรายละเอียดการเก็บ ใช้ และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และควรแจ้งตั้งแต่ขั้นตอนประกาศรับสมัคร โดยอาจพิจารณาแนบเอกสารประกาศความเป็นส่วนตัวไปกับแบบฟอร์มรับสมัคร หรือประกาศบนเว็บไซต์

• แบบฟอร์มรับสมัครงาน

แก้ไขแบบฟอร์มรับสมัครงานโดยเลือกเก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น และทำเครื่องหมายให้ผู้สมัครงานทราบว่าข้อมูลใดจำเป็น/ไม่จำเป็นต้องกรอก

• เอกสารขอความยินยอม (Consent Form)

สำหรับกรณีที่มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในกระบวนการอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรับสมัครงานและองค์กรไม่สามารถอ้างอิงฐานการประมวลผลอื่นตามมาตรา 24 เพื่อการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวหรือกรณีมีการเก็บข้อมูลอ่อนไหวโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ หรือไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 26

3.2 การจัดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล

ตลอดกระบวนการรับสมัครงาน องค์กรจะต้องจัดให้มีระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมกับประเภทข้อมูลของผู้สมัครที่เก็บ เช่น

• การล็อกตู้เอกสาร

• การตั้งรหัสผ่านคอมพิวเตอร์

• การจำกัดสิทธิการเข้าถึงเฉพาะผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณารับสมัครงานเท่านั้น

4. การจัดการข้อมูลหลังเสร็จสิ้นกระบวนการรับสมัครงาน

เมื่อกระบวนการรับสมัครเสร็จสิ้นแล้ว ประเด็นสำคัญที่องค์กรต้องตัดสินใจคือการจัดการข้อมูลของผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อมูลของผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งมี 2 แนวทางหลัก ดังนี้

4.1 การลบทำลายข้อมูลทันที

หลักการพื้นฐานคือ องค์กรต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการลบทำลายข้อมูลของผู้สมัครที่ไม่ผ่านการคัดเลือก โดย

• พิจารณาลบทันทีเมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณา

• กำหนดขั้นตอนการลบทำลายที่ชัดเจน

4.2 การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต

หากองค์กรต้องการเก็บข้อมูลของผู้สมัครที่ไม่ผ่านการคัดเลือกเพื่อพิจารณาในโอกาสต่อไป จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: การแจ้งใน Privacy Notice โดยระบุในส่วนการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ชัดเจนว่า

• จะมีการเก็บรักษาข้อมูลของผู้สมัครต่อไปแม้ว่าจะไม่ผ่านการคัดเลือก โดยกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถคาดหมายได้

• วัตถุประสงค์เพื่อการพิจารณาเมื่อบริษัทเปิดรับตำแหน่งที่เหมาะสมในอนาคต

ขั้นตอนที่ 2: การแจ้งสิทธิของผู้สมัคร เพื่อให้ผู้สมัครทราบว่าตนมีสิทธิ

• แจ้งแก้ไข เปลี่ยนแปลง อัปเดตข้อมูล

• ขอให้ลบข้อมูลของตัวเองได้ตลอดเวลา


กรณีพิเศษ – ข้อมูลประวัติอาชญากรรม

การเก็บบันทึกข้อมูลประวัติอาชญากรรม มีกำหนดระยะเวลาพิเศษตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

• เก็บรักษาไว้ได้ไม่เกิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณา เว้นแต่จะมีกฎหมายให้อำนาจหรือกำหนดให้องค์กรเก็บรักษาข้อมูลประวัติอาชญากรรมนานกว่า 6 เดือน หรือองค์กรได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลให้เก็บข้อมูลนานกว่า 6 เดือน

• หลังจากนั้นต้องลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวตนได้

จะเห็นได้ว่า หากดำเนินการตาม Checklist ข้างต้นนี้ การรับสมัครงานให้ถูกต้องตาม PDPA ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากแต่อย่างใด บุคลากรเป็นส่วนสำคัญของทุกหน่วยงาน การดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรให้ดีตั้งแต่เริ่มต้นเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันทางธุรกิจของการแย่งชิงบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานในองค์กรได้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Athentic Consulting ยินดีให้บริการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของธุรกิจของท่าน


ปริยากร รุ่งเรือง
Lead - Legal Technology Counselor
นารีรัตน์ เพิ่มวัฒนา
Legal Technology Counselor
ภัทริน ต๊ะมะโน
Legal Technology Counselor
พัณณ์ชิตา ภัทรบุญยพิศุทธิ์
Legal Intern
เกี่ยวกับเอเทนติค ข่าวสารและบทความล่าสุด บริการของเรา ติดต่อเรา ร่วมงานกับเรา